ความลึกลับของจิต

โลก เขามีที่ยึดมาตลอดนะ ถึงผิดพลาดๆ อะไรเขาก็มีที่ยึดที่อาศัย สำคัญใจนี้ ต้องหาที่ยึดเสมอ ใจนี้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ต้องหาที่ยึดที่เกาะ พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้ได้ธรรมเป็นที่ยึดที่เกาะถูกต้อง ไปราบรื่นดีงาม ตามธรรมดาใจมันส่ายแส่หาที่ยึด อะไรๆ ต้นไม้ ภูเขา เจดีย์ล้างที่ไหนไปกราบไปไหว้ไประลึกเป็นที่พึ่งไปอย่างนั้น ให้เอาธรรมะเข้าไปสู่ใจถูกต้อง

พูด ถึงเรื่องจิตรวมนี่ก็ไม่ใช่เล่นนะ นักภาวนาจะรู้ความลึกลับของจิต ถ้าเป็นนักภาวนาเอาจริงเอาจังนะจะรู้เรื่องความลี้ลับของจิต เวลามันเปิดออกรู้ สิ่งไม่เคยรู้รู้ สิ่งไม่เคยเห็นมันเห็นจะว่าอย่างไร อย่างท่านอาจารย์ฝั้นท่านพูด เราไม่ลืมนะ ท่านนั่งภาวนาอยู่จิตมันสว่างออกไป ออกไปเหมือนตาเนื้อเรานี่ เดินไปเห็นทุกอย่าง มองไปเห็นมะละกอลูกหนึ่งสุกอยู่ ท่านนั่งภาวนาอยู่นี้ ท่านมองไปเห็นมะละกอสุกอยู่เหลืองอร่าม สวยงามมาก ท่านว่าอย่างนั้นนะ มัน เป็นอย่างไรภาวนาจะพาไปสวรรค์นิพพานทำไมไปหาผลหมากรากไม้อย่างนี้ ไปเห็นจริงๆ ท่านว่า เห็นเหมือนเห็นด้วยตา พอตื่นเช้าไปก็ไปดู มีจริงๆ มะละกอสุกเหลืองอร่ามอยู่มีจริงๆ ท่านเห็น ท่านภาวนาไปเห็นมะละกอสุก

ท่าน สำคัญนะท่านอาจารย์ฝั้น ไปภาวนาอยู่ที่ทางเขาใหญ่ ดูเหมือนมีตาปะขาวคนหนึ่ง หรือพระองค์หนึ่งเณรองค์หนึ่งไปด้วยกันไปอยู่ที่นั่น มันได้เห็นเป็นสักขีพยานจริงๆ ท่านว่า เขาบอกว่าที่แถวนี้มีผี เขาเรียกว่าผีกองกอยอยู่ที่เขาใหญ่ ท่านไปภาวนาอยู่กับชาวบ้านเขาสองสามหลังไปภาวนาที่นั่น กลางคืนก็มา เขาว่ามีผีกองกอย ผีกองกอยนี่มันกินคนว่าอย่างนั้นนะ กลางคืนนั่งภาวนามันมักมาเสมอ ท่านนั่งภาวนามาจริงๆท่านว่านะ ผีกองกอยละมาจริงๆ กองกอยๆ

ท่าน ก็นั่งภาวนาอยู่ ตาใจท่านเป็นตาธรรม ตาผีมันเป็นตาเปรตตาผี อำนาจไม่เหมือนธรรม พอมันร้องกองกอยๆ มานี่ท่านก็กำหนดจิตดู ไปเห็นจริงๆ ตัวมันเหมือนลิง ท่านว่าอย่างนั้นน พอสายตา..ตาใจนะไปรับกันกับตามัน วิ่งป่าราบไปเลย ตั้งแต่นั้นไม่มาอีกเลย มันมีจริงๆ ผีกองกอย ท่านเห็นเองท่านบอกอย่างนั้นนะ ท่านภาวนา เขาว่าแถวนี้มีผีกองกอย เขาว่าอย่างนั้น ท่านก็ฟังเฉยๆ กลางคืนก็ภาวนามันก็ร้องกองกอยๆ นะ ท่านจะดูมันเป็นอย่างไรผีนี้มันเป็นตัวชนิดไหน

ท่าน ก็นั่งภาวนา พอมันร้องมาใกล้ๆ แล้วส่งจิตออกไปดู พอตาใจของท่านไปกระทบกับตามัน โหย วิ่งป่าราบเลย กลัวมากที่สุดเลยกลัวธรรม กลัวกระแสของจิตท่าน พอมองเห็นตาใจไปรับกันกับผีกองกอยแล้ววิ่งเลยทีเดียว ป่าราบไปเลย กลัวมากที่สุด ตัวมันเหมือนลิง ท่านว่าอย่างนั้น เห็นตัวจริงๆ ท่านบอก นี่ละท่านพูด เพราะท่านอาจารย์ฝั้นท่านมีลึกลับอยู่ มันก็วิ่งไปตั้งแต่นั้นมันไม่มาอีก ไม่มาเลยท่านว่าผีกองกอย มีจริงๆ ท่านว่า ตัวมันเหมือนลิง พอมันมาใกล้ๆ ท่านส่งจิตไปดู พอไปดูตามันกับตาใจท่านรับกันปั๊บเท่านั้นละวิ่งเลย ป่าราบไปเลย กลัวๆ มากท่านว่า ท่านอาจารย์ฝั้นท่านเล่าให้ฟัง ท่านมีลึกลับอยู่ท่านอาจารย์ฝั้น

พวก นักภาวนาละมีความรู้แปลกๆ แฝงอยู่ด้วยกัน เป็นแต่ท่านจะพูดหรือไม่พูด เท่านั้นละ ถ้าเวลาสนทนาธรรมะกันไปส่วนปลีกย่อยเห็นนั้นเห็นนี้ๆ ท่านเล่าสู่กันฟังน่าฟังนะ เห็นเปรตเห็นผีเห็นอะไรเวลาปลีกย่อยท่านพูดไป ถ้าส่วนทางจิตมรรคผลนิพพานเป็นธรรมดา ท่านเล่าธรรมดา แต่เวลามันปลีกย่อยออกไปมันไปเห็นแปลกๆ ต่างๆ เห็นผีเห็นอะไรนะ โห ผีนี้มีหลายชนิด ท่านว่าอย่างนั้น เห็นมันมา

แต่ ผีใดก็ตามเถอะกลัวธรรมทั้งนั้น ท่านว่าอย่างนั้นนะ พอสายตาของจิตเรานี้ไปรับกันเท่านั้นละวิ่งเลยเชียว ไม่อยู่ เช่นอย่างผีกองกอยนี่เหมือนกัน มันมากองกอยๆ มา มีตาปะขาวนั่งอยู่ภาวนาแล้วดูว่ามีเณรองค์หนึ่งหรืออย่างไร เวลามันร้องมาท่านก็นั่งภาวนาดู จะดูผีกองกอยจริงๆ มันเป็นอย่างไร มันเป็นตัวอย่างไร มันก็มากองกอยๆ มา ท่านก็นั่งกำหนดจิตดู พอดูสายตาของธรรมของจิตไปกระทบกับสายตาของผีกองกอย โอ๋ย กลัวมากนะ วิ่งป่าราบไปเลยเชียว กลัว

ผีกองกอย มี ท่านว่ามีจริงๆ ท่านว่า แต่ตัวมันเหมือนลิง ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านบอกว่าผีกองกอยนี่ตัวมันเหมือนลิง แต่มันกลัวๆธรรม พอสายตาของธรรมเราพาดเข้าไปปั๊บสายตาของมันมารับกันปั๊บวิ่งเลย กลัวๆมาก ตั้งแต่นั้นไม่มาอีกเลย นี่ท่านอาจารย์ฝั้นท่านเล่าเองมันถนัดชัดเจน เอาล่ะทีนี้นะเลิกกันละนะ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
นักภาวนาจะรู้ความลึกลับของจิต
http://www.luangta.com

ใส่ความเห็น