ท่านสาธุชนทั้งหลายมีท่านผู้แทนมหาวิทยาลัยท่านผู้แทนประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์เป็นประธาน อาตมาขอกล่าวธรรมะปฏิสันถาร คำนี้เป็นคำเก่าแก่คือการต้อนรับด้วยธรรมะ ให้มีธรรมะเป็นของฝากเรียกว่าธรรมะปฏิสันถาร อาตมาขอกล่าวธรรมะปฏิสันถารแก่ท่านทั้งหลาย หัวข้อที่จะกล่าวมีว่า ปัญหาทั้งหมดในโลกแก้ได้ด้วยการเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ โปรดฟังให้ดี ๆ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพเราต้องเคารพสิ่งนั้น และจะแก้ปัญหาทั้งหมดในโลกได้ไม่ว่าปัญหาอะไรจะเป็นปัญหาทั้งโลก หรือปัญหาของประเทศหยิบมือเดียว จงโปรดจำคำว่าปัญหาทั้งปวงจะแก้ได้ด้วยเราพากันเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ และท่านก็คงจะประหลาดใจในการที่จะได้ฟังว่าสิ่งนั้น คือหน้าที่ บางคนจะไม่เคยฟัง ไม่เคยคิด ไม่เคยฟังว่าพระพุทธเจ้าทรงเคารพหน้าที่
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทันที ทรงฉงวนว่านี้จะเคารพอะไร ในการตรัสรู้แล้วเป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะเคารพอะไร ในที่สุดท่านตกลงพระทัยว่าอาจเคารพธรรมะ ๆ ปัญหามันก็อยู่ที่ว่าธรรมะคืออะไร เรามักจะได้ยินได้ฟัง ได้รับคำสั่งสอนว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามันจะถูกหรือไม่เพราะว่าธรรมะมันมีอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิด มนุษย์ก่อนพระพุทธเจ้าเกิดก็พูดได้คำว่าธรรมะ ๆ กันอยู่ทั่วไป โดยบุคคลคนแรกที่มันสังเกตเห็นในหน้าที่ ๆ ของมนุษย์ มันก็ออกชื่อเป็นภาษาพูดว่าธรรมะ ๆ ก็เตือนกันทุกคนให้สนใจสิ่งที่เรียกว่าธรรมะเป็นหน้าที่ ใครฉลาดหน่อยก็สอนหน้าที่สูงขึ้นไป ๆ เป็นหลายก๊ง หลายหมู่ หลายคณาจารย์ แล้วแต่สอนธรรมะในหน้าที่ ครั้นพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาท่านรู้หน้าที่สูงสุด ท่านก็เลยสอนหน้าที่สูงสุด ไม่มีหน้าที่ไหนจะสูงไปกว่านั้น ท่านประกาศในวันตรัสรู้แล้วใหม่ ๆ หยก ๆ นั่นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายทุกพระองค์ทั้งอดีต ทั้งปัจจุบัน ทั้งอนาคต ล้วนแต่เคารพหน้าที่เป็นธรรมะ นี่เราอาจจะเผลอไปก็ได้เราเคารพพระพุทธเจ้า แต่เราไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ อาตมาจึงขอยืนยันในขอนี้และขอได้โปรดจงฟังให้ดี ๆ ว่าถ้าเราเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพมันจะแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งโลกได้ เป็นที่น่าสงสารว่าเด็ก ๆ ของเราไม่ได้รับคำแนะนำสั่งสอนในโรงเรียนว่าธรรมะคือหน้าที่ มันสู้เด็กอินเดียไม่ได้ปทานุกรมเด็ก ๆ มันก็แปลคำว่าธรรมะว่าหน้าที่ และมันก็สอนกันว่าธรรมะเป็นหน้าที่ เมื่อฝรั่งมาศึกษาธรรมะ ได้ยิน ได้ฟัง คำว่าธรรมะเป็นคำแรกมันก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไรเลยฟังเอาตามเรื่องราวที่เกี่ยวกับธรรมะแล้วก็แปลคำว่าธรรมะนี่ได้เป็นคำแปลตั้งหลายสิบคำทีเดียว แต่ในที่สุดมันก็ไม่พ้นความหมายของคำว่าหน้าที่ คำว่าหน้าที่เป็นคำแปลที่ถูกต้อง ธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เคารพธรรมะเราก็ควรจะเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพคือหน้าที่ ทว่าหน้าที่ ๆ ธรรมะ ๆ เป็นคำ ๆ เดียวกันมันแตกต่างกันเพียงคนละภาษา ธรรมะตัวพยัญชนะแท้ ๆ แปลว่า ชูไว้ ยกไว้ ทรงไว้ไม่พลัดตกคือคำว่าธรรมะก็คือสิ่งที่จะยึดคนที่ปฏิบัติไว้ในพลัดดกลงไปสู่กองทุกข์ หน้าที่ก็เหมือนกันด้วย สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่นะมันทำหน้าที่ยกคนที่ทำหน้าที่ไว้ ไม่ให้ตกลงไปในกองทุกข์ คำว่าธรรมะกับคำว่าหน้าที่เป็นสิ่งเดียวกันมาแต่ดึกดำบรรพ์โน่น ตั้งแต่คนป่าคนแรกเริ่มตั้งแต่เห็นหน้าที่ ๆ ของมนุษย์อยู่อย่างนั้น ธรรมะ ๆ หน้าที่นั้นเป็นสิ่งสูงสุดที่พระพุทธเจ้าก็ยังทรงเคารพและทุกพระองค์ด้วย ขอให้เราสนใจกันในเรื่องนี้ หน้าที่ก็คือสิ่งที่จะช่วยให้รอด เมื่อพลัดตกลงไปในความทุกข์จะช่วยให้รอด รอดทั้งทางกาย และรอดทั้งทางจิตสองทาง เรามักจะเห็นแต่เรื่องปากเรื่องท้อง รอดกันไปทางกาย แม้แต่ทางกายก็ยังไม่รู้จักทั้งหมดทั้งสิ้นไม่รอดทั้งหมดทั้งสิ้น แต่ทางจิตแล้วยิ่งน้อยลงไปมากอีก ขอให้สนใจอย่างยิ่งว่าธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือสิ่งที่จะช่วยให้รอดให้รอดทั้งทางกายและทางจิต เมื่อทำหน้าที่ใด ๆ ขอให้รู้ตามที่เป็นจริงว่าปฏิบัติธรรมะเพราะมันช่วยให้รอด หน้าที่นั้นที่ว่ากันทางกายก็มีว่าหาเลี้ยงชีวิตนี่อย่างหนึ่ง แล้วก็บริหารชีวิตอยู่ทุกวัน ๆ นี่อย่างหนึ่งแล้วก็สังคมกันให้ถูกต้อง หน้าที่ทางสังคมสังคมกันให้ถูกต้อง ถ้าได้อย่างนี้แล้วก็พอจะเรียกว่าสมบูรณ์ในหน้าที่ ส่วนทางจิตนั่นสูงขึ้นไปก็มันเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ตัดกิเลสบรรลุนิพพาน มีความรอดทางจิต ซึ่งจะต้องศึกษากันเป็นพิเศษเฉพาะ และก็ต้องปฏิบัติมากกว่าเรื่องทางกาย
แต่เดี๋ยวนี้เรื่องทางกายเรายังไม่สมบูรณ์ คนยังไม่เคารพหน้าที่ ไม่เคารพธรรมะอาตมาคิดว่าอย่างนี้ถ้าผิดไปก็ขออภัย แต่ที่สังเกตเห็นแล้วมันก็ไม่ได้เคารพธรรมะ มันทำหน้าที่โดยไม่รู้ว่าหน้าที่นั้นคือธรรมะก็ทำหน้าที่โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะมันก็ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมะต่อเมื่อรู้ว่าหน้าที่นั้นคือธรรมะก็ทำไปจึงจะเป็นการปฏิบัติธรรมะ แต่แล้วก็สับเพร่าไม้รู้ว่ามันละเอียดถี่ถ้วนไปถึงว่าหน้าที่ทุกอย่างหน้าที่ทุกอย่างถ้าเป็นหน้าที่แล้วก็เป็นธรรมะเป็นสิ่งที่ช่วยให้รอดชีวิตพอไม่ทำหน้าที่มันก็คือตายกล้าท้าอย่างนี้ลองดูสิลองไม่ทำหน้าที่มันก็คือตาย คนก็ต้องตายลองไม่ทำหน้าที่ สัตว์เดียรฉานมันก็ต้องตายถ้ามันไม่ทำหน้าที่ ต้นไม้ต้นไร่เหล่านี้ถ้าไม่ทำหน้าที่มันก็ต้องตาย บางทีมันจะทำหน้าที่เก่งกว่าคนคือทั้งกลางวันและกลางคืนมีการเคลื่อนไหวในหน้าที่ ชีวิตคือหน้าที่ หน้าที่คือชีวิต ว่าเซลล์ในร่างกายคนมีกี่ล้าน ๆ เซลล์ ทุกเซลล์ทำหน้าที่ถ้าไม่ทำหน้าที่หมายถึงมันจะต้องตาย ชีวิตจะต้องตาย มันประกอบกันขึ้นเป็นตา หู จมูก กาย ใจ แขน ขา มือ ตีน ล้วนแต่ต้องทำหน้าที่ ตาทำหน้าที่ตา หูทำหน้าที่หู ทุกอวัยวะทำหน้าที่มันจึงรอดชีวิตอยู่ได้ หน้าที่ทุกหน้าที่คือธรรมะ คือสิ่งทำให้รอดอยู่ได้ ทว่าความอยู่รอดรอดเนี้ยเป็นความหมายสูงสุดของทุกศาสนาเลย ไม่ว่าศาสนาไหนจุดหมายอยู่ที่ความรอด แม้ว่าวิธีรอดจะต่างกันมันก็มุ่งหมายด้วยความรอดเดี๋ยวนี้เอาความรอดตามธรรมชาติดีกว่าไม่ต้องเกี่ยวกับพระเจ้าหรืออะไรก็ได้ เพราะว่าเป็นพุทธศาสนาถือหลักธรรมชาติถือหลักกฎของธรรมชาติ หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติผลได้รับจากหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ มันถือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง แล้วก็เป็นความรอดตามธรรมชาติ หน้าที่นี้คือสิ่งที่ช่วยให้รอด ขอพูดกันในด้านวัตถุหรือทางร่างกายก่อน ชาวนาก็ทำนา ชาวสวนก็ทำสวน พ่อค้าก็ค้าขายก็ทำหน้าที่ที่ถูกต้อง ข้าราชการก็ทำราชการ กรรมกรก็จงทำกรรมกร มันเป็นธรรมะ ขอทานก็นั่งขอทานให้ถูกต้องมันก็เป็นธรรมะของคนขอทาน สุนัขก็เฝ้าบ้านให้ถูกต้องเป็นธรรมะของสุนัข แมวจับหนูให้ถูกต้องไม่บกพร่องเพราะเป็นธรรมะของแมวไก่ขันให้ถูกต้องตามหน้าที่เพราะเป็นธรรมะของไก่ ธรรมคือหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ก็คือตาย ธรรมะคือหน้าที่อย่างนี้ที่ไหนมีการทำหน้าที่ที่นั่นมีธรรมะ ถ้าไม่มีการทำหน้าที่ แม้ในโบสถ์ก็ไม่มีธรรมะ เพราะว่าโบสถ์บางโบสถ์มีแต่นั่งสั่นเซียมซี นั่งบูชาอ้อนวอนขอร้องมาเรียกสิทธิบ้า ๆ บอ ๆ อะไรก็ไม่รู้ไม่ทำหน้าที่ โบสถ์นั้นไม่มีธรรมะ กลางทุ่งนาไถนาอยู่โครม ๆ นั้นนะมีธรรมะ เพราะว่ามันทำหน้าที่ ฟังดูให้ดีซิธรรมะมันจะไปอยู่ได้กลางทุ่งนา ไม่อยู่ในโบสถ์ถ้ามันไม่มีการทำหน้าที่ในวัดในวา
ขอให้สนใจคำว่าหน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ หน้าที่ นั้นนะคือธรรมะ คือสิ่งที่จะช่วยให้รอดทำมาหาเลี้ยงชีวิตทุกชนิดเพื่อรอดก็เป็นธรรมะ แต่ที่จะให้แคบเข้ามาจะให้สนใจมากที่สุดก็คือบริหารชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปวัดไม่ต้องไปไหนก็ได้ทำหน้าที่บริหารชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง ตื่นขึ้นมาล้างหน้าถูฟันให้ถูกต้องมีสติสัมปชัญญะล้างหน้าถูฟันให้ถูกต้อง ถูกต้องรู้สึกพอใจ พอใจแล้วก็เป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างหน้าและถูฟันใครเคยทำบ้างมันไม่เคยทำหรอกเพราะมันไม่รู้ว่านั่นคือธรรมะถึงมันทำอยู่ทุกวัน ๆ มันก็ไม่เป็นการปฏิบัติธรรมะ เพราะมันไม่รู้ว่านั่นคือหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติบริหารชีวิตแล้วมันจะทำอะไร มันจะไปนั่งถ่ายเข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระปัสสาวะมันก็ไม่รู้ว่าหน้าที่หน้าที่คือธรรมะ มันก็ทำอย่างบ้า ๆ บอ ๆ เสียไม่ได้อย่างไม่ได้กะฟัดกะเพียดไปตามเรื่อง ถ้ามันรู้ว่าหน้าที่คือธรรมะ มีสติสัมปชัญญะถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้ดีที่สุด พอใจ พอใจ ถูกต้อง ถูกต้อง พอใจเลยมีความสุขตลอดเวลาที่นั่งถ่ายอุจจาระปัสสาวะในห้องน้ำใครเคยทำได้ ใครเคยทำเชื่อไม่เคยทำหรอก เพราะมันไม่รู้ว่านั่นคือธรรมะขอให้สนใจไว้มันถึงอย่างนี้
ไปอาบน้ำในห้องน้ำทุกอิริยาบถทุกระยะขั้นตอนถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง พอใจ พอใจ พอใจ เป็นสุข เป็นสุข ตลอดเวลาที่อาบน้ำใครเคยทำบ้าง เหลวทั้งนั้นแหละบางทีไม่อยากอาบด้วยซ้ำไปถูขี้ไคลก็ไม่หมด ถูขี้ไคลเอาขี้ไคลนั่นเป็นสมาธิ เป็นอารมณ์ของสมาธิขี้ไคลหลุดออกไปก็ถูกต้อง ถูกต้อง พอใจ พอใจ เป็นสุขตลอดเวลาที่อาบน้ำ ไปรับประทานอาหารหยิบช้อนหยิบจานตักเข้าปากเคี้ยวกันตามทุกขั้นตอนต้องมีสติสัมปชัญญะถูกต้องและพอใจถูกต้องและพอใจพอใจเลยเป็นสุขตลอดเวลาที่รับประทานอาหาร เดี๋ยวนี้มันไปทะเลาะกับแกงกะกับ อร่อยไม่อร่อยดุด่าคนปรุงอาหาร ถ้วยจานมันก็ทะเลาะกันได้ คนโง่มันไม่มีสติสัมปชัญญะบริโภคอาหารในฐานะเป็นการปฏิบัติธรรมะให้ถูกต้อง มันก็เลยไม่ได้ไม่ได้ความสุข มีสติสัมปชัญญะบริโภคอาหารด้วยความรู้สึกถูกต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง พอใจ พอใจ พอใจ แล้วก็เป็นสุข มันก็มีธรรมะตลอดเวลาที่รับประทานอาหาร และก็พอใจเป็นสุขเป็นสุขอิ่มใจตัวเอง พอใจตัวเอง ตลอดเวลาที่รับประทานอาหารใครทำได้บ้างและใครเคยทำ อ้าวที่นี้มาล้างถ้วยล้างชาม กวาดบ้านถูเรือน ทำด้วยสติสัมปชัญญะ ล้างถ้วยล้างชาม กวาดบ้านถูเรือน เมื่อล้างถ้วยล้างชามก็มีของสกปรกที่ติดจานนะ เป็นอารมณ์ของสมาธิเพ่งอยู่ที่นั่นทำให้สะอาดออกไป เห็นเป็นพอใจ พอใจ ถูกต้อง ถูกต้อง พอใจ เป็นสุข เป็นสุข เก็บกวาดบ้านก็เหมือนกันแหละ เมื่อไม้กวาดมันเคลื่อนไปจิตก็อยู่ที่ปลายไม้กวาดลากไปบนพื้นสะอาดไปตามลำดับ เป็นอารมณ์ของสมาธิสำหรับว่าถูกต้อง ถูกต้อง พอใจ พอใจ เป็นสุข ก็เลยเป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างถ้วยล้างชาม กวาดบ้านถูเรือน ใครเคยทำบ้าง อ้าวไม่ได้ทำก็ไม่ได้ก็ใช้เวลาล่วงไปโดยไม่มีธรรมะ อ้าวต่อให้ล้างส้วมล้างส้วมที่สกปรกนี่แหละ มีสมาธิอยู่ที่นั่นที่สกปรก ที่มันติดอยู่ที่ส้วมมันหลุดไปอย่างไร ก็เห็นเป็นความถูกต้อง พอใจ ถูกต้อง พอใจ เป็นสมาธิในการล้างส้วม มันก็พอใจแล้ว มันก็เป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างส้วม ขอท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายช่วยลองล้างส้วมดูบ้าง ไปแย่งภารโรง เจ้าหน้าที่ทำดูบ้าง ล้างส้วมดูบ้าง
ทำในลักษณะอย่างนี้อาตมายืนยันว่าต้องได้รับความรู้สึกว่าถูกต้อง ถูกต้อง และพอใจก็เป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างส้วม ถ้าทำอย่างนี้ได้แล้วอย่างอื่นก็ทำได้ง่ายดายได้หมดแหละ เพราะมันไม่เป็นที่น่ารังเกียจมากกว่าสิ่งเหล่านี้ เดี๋ยวนี้เรารังเกียจสิ่งเหล่านี้ รังเกียจหน้าที่ รังเกียจธรรมะ ขอร้องว่าทุก ๆ ท่าน จงกระทำในลักษณะที่ให้มันเป็นปฏิบัติธรรมะทุกอิริยาบถ ตื่นนอนขึ้นมาล้างหน้าถูฟัน ไปถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ไปอาบน้ำ ไปรับประทานอาหาร ล้างจาน กวาดบ้านถูเรือน กระทั่งล้างส้วม ไปฝึกบทเรียนนี้ในลักษณะอย่างนี้คือเคารพหน้าที่ เคารพหน้าที่ เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเองก็เคารพ พระพุทธองค์ทรงเคารพหน้าที่ หน้าที่คือสิ่งที่ช่วยให้รอด เรียกว่าธรรมะอยู่ในรูปของปริยะติธรรม เป็นตัวหนังสือคำสอนก็ได้ อยู่ในรูปของการปฏิบัติ ปฏิบัติลงไปก็ได้ก็เรียกว่าธรรมะ เป็นผลออกมา เป็นความสุขก็เรียกว่าธรรมะ เป็นรูปวิชา เป็นรูปปฏิบัติ เป็นรูปผลของการปฏิบัติก็ล้วนแต่เรียกว่าธรรมะ ท่านเคารพธรรมะคือหน้าที่ที่ถูกต้องที่ดับทุกข์ได้ท่านเคารพ และท่านก็เคารพหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ท่านทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ท่านจึงเป็นพระพุทธเจ้า ลองไม่ทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้ามันจะไม่เป็นพระพุทธเจ้า แล้วท่านก็ทำงานมากพวกเราลูกศิษย์พระพุทธเจ้าจะขี้เกียจจะทำงานน้อยเบื่อหน้าที่ รังเกียจหน้าที่ ไม่เห็นว่าเป็นธรรมะต่อเมื่อเห็นว่าเป็นธรรมะอย่างรักธรรมะ แม้แต่เหงื่อไหลไคลย้อยอยู่กลางแดดกลางฝน พอใจแหละเป็นสุข ธรรมะคือหน้าที่ที่ช่วยให้รอดทั้งทางกายและทางจิตใจ
เดี๋ยวนี้เราไม่เห็นกันอย่างนั้นก็ต้องฝืนทำหน้าที่เป็นธรรมดาเพราะไม่อยากทำ จะพูดได้ว่าทุกคน ๆ มันไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความรักเคารพว่าเป็นธรรมะมันก็ฝืนใจทำไมทำไม่ได้ไม่ทำจะอดตาย พอใจทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นธรรมะ เดี๋ยวนี้มันฝืนใจทำหน้าที่เพื่อจะเอาเงินมาหล่อเลี้ยงกิเลสของตัวกู มันจะเอาเงินมาหล่อเลี้ยงกิเลสของตัวกู แต่ที่จะน่าดูทุกคนมันทำหน้าที่ ถ้าอย่างนี้ต้องให้มันตกนรกไปพลางทำงานไปพลาง มันไม่ชื่นอกชื่นใจยกมือไหว้ตัวเองได้เลย มันไม่รู้จักหน้าที่ว่าคือธรรมะ ทีนี้ถ้ามันรู้จักว่าหน้าที่คือธรรมะ หน้าที่คือธรรมะ ยิ่งทำยิ่งพอใจ ยิ่งทำยิ่งพอใจ ขนาดยกมือไหว้ตัวเองได้มันก็เป็นสวรรค์ไปพลาง เป็นสวรรค์ไปพลาง ทำงานไปพลาง เป็นสวรรค์ไปพลาง ทำงานไปพลาง อย่างนี้มันก็จะได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง รู้จักหน้าที่ของมนุษย์ จะทำความรอดให้แก่ตัว ปฏิบัติหน้าที่อะไรมันก็จะเห็นแก่ธรรมะเพื่อธรรมะ เพื่อความถูกต้องของธรรมะ ไม่ใช่ว่าเพื่อตัวกูของกู ไอ้ตัวกูของกูนะมันเป็นผีชนิดหนึ่ง เป็นความโง่สร้างขึ้นมา ตามความเอร็ดอร่อย ตามแบบของกิเลส มันก็ทำงานเพื่อหล่อเลี้ยงกิเลส เอาเงินไปซื้อหาสิ่งที่หล่อเลี้ยงกิเลส เป็นกามอารมณ์โดยเฉพาะซึ่งเป็นกันโดยมากและยิ่งเป็นหนักขึ้นทุกที ในโลกนี้มันก็หลงใหลในวัตถุเท่าไร การเจริญแบบนี้มีขึ้นเท่าไร โลกนี้ก็เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวจนพูดกันมีรู้เรื่อง นายทุนก็เห็นแก่ตัวจัด ให้ข้อมูลนิดก็เห็นแก่ตัวจัด แล้วมันจะพูดกันรู้เรื่องได้อย่างไร พรรคฝ่ายรัฐบาลก็เห็นแก่ตัวจัด พรรคฝ่ายค้านก็เห็นแก่ตัวจัด แล้วจะพูดกันรู้เรื่องได้อย่างไร มันต้องทำลายความเห็นแก่ตัวให้ลดลงไป คือการปฏิบัติธรรมะแล้วมันก็จะพูดกันรู้เรื่อง มิฉะนั้นจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่พรรคของตัวมากกว่าเห็นแก่ชาติ อาตมาไม่ได้ว่าใครที่ไหนว่ากันทั้งโลกก็แล้วกัน มันไม่รู้จักธรรมะ มันไม่รู้จักหน้าที่ มันก็ทำอะไรเพื่อประโยชน์แก่ตัวอย่างดีก็เพื่อพรรคของตัวโดยไม่ต้องเห็นแก่ชาติ นักการเมืองในโลกจะเป็นอย่างนี้ซะโดยมาก เห็นแก่พรรคของตัวยิ่งกว่าเห็นแก่ชาติ เนี้ยคือมันไม่รู้จักว่าหน้าที่หน้าที่ที่ต้องทำ มันก็ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ เพื่อธรรมะ เพื่อความรอดของชีวิตในความหมายว่าทุกชีวิต ในฐานะว่าเราเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ดังนั้นขอให้มารู้จักสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ ธรรมะคืออะไร สูงสุดอย่างไร จนถึงกับพระพุทธเจ้าก็เคารพ ถ้าเห็นว่าหน้าที่การงานเป็นธรรมะแล้วมันจะมีกำลังใจ ไม่ต้องมีกิเลสมาเป็นเครื่องส่งเสริมกำลังใจ ส่งเสริมไปผิดทาง ถ้ามีความรู้ธรรมะเป็นเครื่องส่งเสริมกำลังใจ เป็นโมติฟของการทำงานแล้วก็สดชื่นแจ่มใสเยือกเย็นตลอดเวลาที่ทำหน้าที่การงาน และมันก็จะทำได้มาก ได้เห็นว่าหน้าที่คือธรรมะและจะทำได้มาก
ใครก็ไม่รู้บัญญัติว่าทำงาน 8 ชั่วโมงพอดีอาตมาไม่เชื่อ เราทำงานได้ถึง 18 ชั่งโมง ถ้าเราเห็นว่าหน้าที่คือธรรมะ ไปดูหนังสือทั้งหมดในตึกนั้นอาตมาทำคนเดียว ไม่มีใครเชื่อว่าอาตมาทำคนเดียว อาตมายืนยันว่าทำคนเดียว เพราะมันสนุกเป็นสุขเมื่อทำหน้าที่ทำงานวันละ 18 ชั่งโมง พักผ่อนนอน 6 ชั่วโมง 18 ชั่วโมง ทำโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง คิดก็ได้ เขียนก็ได้ ทำไงก็ได้ ขอให้เลิกเลิกเลิกคิดจะทำงาน 8 ชั่วโมงพอดีซักที ถ้ารู้สึกว่าเป็นธรรมะเป็นพระธรรมแล้วมันสนุก ๆ ทำ 18 ชั่วโมงก็ได้ รู้จักธรรมะคือหน้าที่ที่จะต้องทำ สัตว์เดียรฉานก็มีธรรมะของสัตว์เดียรฉานมันจึงรอด ต้นไม้ต้นไร่ก็มีธรรมะ ต้นไม้ต้นไร่มันจึงรอด สิ่งใดเป็นไปเพื่อความรอด สิ่งนั้นคือธรรมะ ๆ อย่าเพียงแต่สอนลูกเด็ก ๆ ว่าธรรมะคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นลูกเด็ก ๆ ของเราจะโง่ไปจนตาย ต้องบอกมันว่าธรรมะคือหน้าที่คำสอนของพระพุทธเจ้าคือคำสอนเรื่องหน้าที่ทั้งนั้น ไม่มีคำสอนข้อไหนที่ไม่เป็นหน้าที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่จนเราพูดได้ว่าพระพุทธเจ้าคือผู้ที่ค้นพบหน้าที่และสอนหน้าที่อันสูงสุด พระพุทธเจ้าคือผู้ค้นพบและสอนหน้าที่ พระธรรมคือตัวหน้าที่นั่นเอง ในรูปของหลักวิชาก็ได้ ในรูปของการปฏิบัติก็ได้ ในรูปของผลก็ได้เป็นหน้าที่พระธรรมคือหน้าที่ พระสงฆ์คือผู้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็เป็นพระสงฆ์กันมาโดยไม่มีใครมาแต่งตั้ง ไม่ต้องบวช ไม่ต้องโกนหัวก็ได้ ผู้ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ช่วยชีวิตให้รอด ในความหมายใดความหมายหนึ่งคือทางกายหรือทางจิตก็ตามเรียกว่าพระสงฆ์ จงมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์กันอย่างนี้เทิดจะไม่เป็นไสยศาสตร์ เดี๋ยวนี้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในรูปแบบของไสยศาสตร์คือบูชา บวงศรวง อ้อนวอนอะไรก็ไม่รู้ แล้วมันก็ไม่ถูกต้อง คำว่าถูกต้อง ถูกต้องเนี่ยสำคัญมาก ได้กรุณาช่วยจำไว้ว่าหลักพุทธศาสนาท่านใช้คำว่าถูกต้อง ถูกต้อง สัมมา สัมมา ถูกต้อง สัมมัตตะความถูกต้อง สัมมา ถูกต้อง สัมมัตตะความถูกต้อง สัมมาธิฐิถูกต้องในความคิด ความเห็น ความเชื่อ ความเข้าใจ สัมมาสังกะโปถูกต้องในความดำริใฝ่ฝันต้องการ สัมมาวาจาในการพูดจา สัมมากำมันโตในการทำงาน สัมมาอาชีโวในการดำรงชีวิต สัมมาวาจาโมพากเพียร ถูกต้อง สัมมาสติระลึกประจำใจถูกต้อง สัมมาสมาธิปัจจัยมั่นถูกต้อง ใบประกันเนี่ยเป็นตัวพุทธศาสนาในส่วนเหตุ และอีกสองถูกต้องคือ สัมมายานะ รู้อย่างถูกต้องมันก็ตรัสรู้ สำหรับสัมมาวิมุตหลุดพ้นจากปัญหาทั้งปวงเป็นสิบสัมมาสิบถูกต้อง สัมมา สัมมา ถูกต้อง ก็แปลว่าพุทธศาสนาสอนเรื่องความถูกต้อง ไม่ใช่สอนเรื่องดี ดี ดี ระวัง ระวัง ไอ้ดี ดี ดี ระวัง เพระว่ามันบ้าได้บ้าดีได้ เมาดีได้ หลงดีได้ จงดีได้ และก็อวดดีจน
หมดดี ไอ้ดี ดีนะขอให้ระวังมันบ้าได้ มันเมาได้ อยากจะพูดว่าทั้งโลกเนี่ยทั้งโลกที่มันเป็นบ้ากันอยู่ทั้งโลกกี่ล้านล้านคนก็ตามมันมาแต่บ้าดี เมาดี จุดแรกที่มันจะบ้านั้นมันบ้าดี มันลงดี มันจึงบ้าจริง กล้าพูดอย่างเรี่ยคนบ้าทุกคนที่มีอยู่ในโลกเรี่ยมาจากการบ้าดี มันไม่ได้บ้าความถูกต้อง เพราะว่าความถูกต้องมันบ้าไม่ได้ สิ่งที่เรียกว่าความถูกต้องมันบ้าไม่ได้ แต่ถ้าว่าดี ดีนะระวังเถอะบ้าดีแล้วก็ได้เรื่อง บุญ บุญก็ต้องระวังบ้าบุญแล้วก็ได้เรื่อง บ้าบุญก็คือบ้าดีก็เลยไปด้วยกันไม่ได้บ้าจริง แม้ว่าปัญหาเรื่องฆ่าตัวตายที่เพิ่มกันขึ้นทุกวัน หน้าหนังสือพิมพ์มาจากบ้าดี จุดตั้งต้นที่มันมีการฆ่าตัวตายมันหลงดี มันบ้าดี มันยึดถือดี เมื่อไม่ได้อย่างที่มันต้องการก็ฆ่าตัวเองตายบางทีมันก็ฆ่าลูกฆ่าเมียแล้วฆ่าตัวเองตาย เพราะมันบ้าดีอย่างเนี่ย มันไม่ถูกต้อง ถ้าคนเหล่านี้ยึดถือความถูกต้องจะไม่เกิดอาการอย่างนี้ ไม่บ้าดี ไม่เมาดี ไม่หลงดี ไม่บ้าบุญ ไม่เมาบุญ ไม่หลงบุญเดี๋ยวนี้มันยังมีมากนัก
มันก็เลยไม่ประสบผลที่แท้จริงคือความสงบสุข คือสันติสุขเพราะมันบ้าดี มันไม่ยึดถือเอาความถูกต้อง ขอให้เราปรับปรุงกันซะใหม่ อย่าให้ทำไปในลักษณะบ้าบุญ บ้าบุญ ทำลายเศรษฐกิจของชาติเหลือประมาณไอ้บ้าบุญนี่ ถึงบ้าดีก็ทำลายอะไรซะมากมายในที่สุดมันก็บ้าจริง มันก็ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า จงหันมาหาความถูกต้อง ถูกต้องของธรรมะ ถูกต้องของหน้าที่ หน้าที่ ถูกต้องทำหน้าที่เพื่อความถูกต้อง ทำหน้าที่เพื่อความรอด มันก็จะได้ผลตลอดเวลาคือความสุขที่แท้จริง เดี๋ยวนี้เพื่อนมนุษย์ของเราโดยมากมันบ้าดี แล้วมันก็ไม่รู้จักความสุขที่แท้จริงคือปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้องพอใจเป็นสุข มันไปหลงกับความเพลิดเพลินที่หลอกลวงว่าเป็นความสุข อันนี้มันยากเหลือเกินมันเกิดความเข้าใจเอาเอง เอาความเพลิดเพลินแก่กิเลส ตา หู กิเลสยิ่งตายใจเพลิดเพลินกามอารมณ์ว่าเป็นความสุข มันไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ถ้าต้องการความสุขที่แท้จริงก็จงปฏิบัติธรรมะทุกอิริยาบถ นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาล้างหน้า ถูฟัน พอใจ ถูกต้อง พอใจ ถูกต้อง เป็นสุขแท้จริงไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ไม่ต้องเพิ่มการงาน ไม่ต้องเพิ่มหน้าที่การงาน การงานเท่าที่ทำอยู่แล้วนั่นแหละ ทำให้เป็นที่พอใจ ถูกต้อง อิ่มใจ เป็นสุขตลอดเวลาที่ทำหน้าและก็เป็นความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องเสียสักสตางค์หนึ่งแล้วเงินก็จะเหลือ เพราะว่าการทำหน้าที่มันผล เป็นเงินเป็นทองขึ้นมาด้วย แต่เราเอาความสุขที่แท้จริงเสียก่อน เมื่อกำลังทำหน้าที่ เงินทองมันมีขึ้นมาจากการทำหน้าที่ ก็เอาไปใช้อย่างอื่นด้วยความระมดระวัง อย่าให้ผิดพลาด ใช้ให้ถูกต้องมันก็ยิ่งเป็นผลดีต่อไป เราก็ได้ความสุขทุกอิริยาบถที่ทำหน้าที่ แต่คนโง่มันไม่เป็นอย่างนั้น มันเอาความเพลิดเพลินที่หลอกลวงมาเป็นความสุข ใช้เงินเท่าไรมันก็ไม่พอ กิเลสตันหามันวิ่งออกหน้าเรื่อยไป ใช้เงินตามหลังเท่าไรมันก็ไม่พอ มันก็อยู่ในฐานะที่ไม่พอขาดจนอยู่เรื่อย ยากจนขาดแคลนอยู่เรื่อยในที่สุดมันก็ต้องคอรัปชั่น และจะเอาอะไร ความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ก็นำไปสู่ความทุกข์ในที่สุด แต่คนก็เห็นว่าเป็นความสุขทั้งนั้น อย่างนั้นอย่างนี้ก็เพื่อหาเงินไปหาซื้อสิ่งเหล่านี้ น่าสงสารยุวชนน่าสงสารคนหนุ่มคนสาวของเราบูชาสิ่งเหล่านี้ เห็นแก่สิ่งเหล่านี้จนไม่รู้จักว่าธรรมะอยู่ที่ไหน สิ่งสูงสุดของเขาก็คือความสุขสนุกสนาน หรือความเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินทางเพศ ทางกามอารมณ์ มันเป็นความเพลิดเพลินที่หลอกลวง มันก็ถูกบูชาว่าเป็นความสุข เพราะการศึกษามันไม่พอ เพราะว่าการศึกษามันไม่พอ มหาวิทยาลัยไหนก็ไม่สอนอย่างนี้ ไม่สอนเรื่องนี้ ไม่สอนให้รู้เรื่องอย่างนี้ เรียกว่าการศึกษาไม่สมบูรณ์ การศึกษาที่ยังทำให้เพิ่มความเห็นแก่ตัว อย่าเข้าใจว่าเรียนเก่งปริญญายาวเป็นหางแล้วมันจะลดความเห็นแก่ตัว มันจะเพิ่มความเห็นแก่ตัว เพราะโอกาสที่จะสร้างสรรค์อะไรมันจะมีมากขึ้น สร้างสรรค์ทางวัตถุเท่าไรก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้นเท่านั้น
การศึกษาแบบนี้มันเพิ่มความเห็นแก่ตัว ต้องมีการศึกษาที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้าที่ลดความเห็นแก่ตัว โดยมองเห็นว่าไอ้ความเห็นแก่ตัวเนี่ยคือศัตรูร้ายกาจ ร้ายกาจที่สุดของมนุษย์ ศัตรูร้ายกาจของมนุษย์ ทุกศาสนามีเป้าหมายเพ่งเล็งไปยังความเห็นแก่ตัว ทุกศาสนาต้องการทำลายความเห็นแก่ตัว แต่ว่าตามแบบของตน ของตนไม่เหมือนกัน ศาสนาที่มันมีความเชื่อเป็นหลัก เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อพระเจ้าและก็ใช้ความเชื่อเป็นหลักทำลายความเห็นแก่ตัว โดยถือว่าพระเจ้าต้องการให้ทำอย่างนั้น แต่แล้วก็ทำไม่ค่อยจะได้ แต่ก็มุ่งหมายอย่างนั้น ศาสนาที่สอนกำลังจิต ทำจิต บังคับจิตให้ไม่เห็นแก่ตัวมันก็มี ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็บังคับให้ทำแต่มันก็ทำไม่ค่อยจะได้ ศาสนาพุทธเรามีปัญญา ปัญญาเป็นหลักพื้นฐาน สอนให้เห็นว่ามันไม่มีตัวที่มีอยู่มันไม่ใช่ตัว ถ้าเห็นความจริงอันนี้มันก็ไม่เห็นแก่ตัว เราจึงกล้าท้าทายว่าโดยหลักแห่งพุทธศาสนาอันนี้ จะทำลายความเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าลัทธิศาสนาใด ๆ เพราะมันไม่มีตัวและมันจะเห็นแก่ตัวได้อย่างไร ศาสนาที่มันสอนตัวอย่างดีตัวอย่างสูงสุด มันยังไปมีตัวอยู่ที่นั่นเห็นแก่ตัวอย่างนั้นอย่างนั้นนิรันดรไปเลย เอาเป็นว่าทุกศาสนามุ่งทำลายความเห็นแก่ตัว เมื่อมนุษย์ไม่มีความเห็นแก่ตัว โลกนี้เป็นอย่างไรลองคิดดู ถ้ามนุษย์ทุกคนในโลกไม่เห็นแก่ตัวโลกนี้จะเป็นอย่างไร นั่นแหละคือโลกของพระศรีอารียะเมตไตร ไอ้คำ ๆ ที่มีไร้ความหมายเป็นโลกพระศรีอารียะเมตไตรดูจะมีกันทุกศาสนา แต่ในพุทธศาสนาเราเพ่งเล็งถึงว่าเมื่อมันหมดความเห็นแก่ตัว มันก็รักผู้อื่นโดยอัตโนมัติไปตั้งหน้ารักผู้อื่นโดยไม่ทำลายความเห็นแก่ตัว เป็นไปไม่ได้หรอกจะสร้างเมตตา กรุณาอะไรโดยไม่ทำลายความเห็นแก่ตัวนั้นเป็นไปไม่ได้ หันมาทำลายความเห็นแก่ตัวกันดีกว่า พอทำลายความเห็นแก่ตัวลดลงไปเท่าไร ความรักผู้อื่นจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติแทนที่ หมดเห็นแก่ตัวเมื่อไรก็รักผู้อื่นเต็มที่ ลดความเห็นแก่ตัวลงได้เท่าไรก็จะรักผู้อื่นได้เท่านั้น มาตั้งใจปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา ทำลายความเห็นแก่ตัวถึงรากเหง้าของมัน คือความไม่ใช่ตัวความไม่มีตัวมีแต่ธรรมชาติเป็นร่างกายกับจิตใจเป็นไปอย่างผิด ๆ หรือเป็นไปอย่างถูก ๆ เป็นไปอย่างผิด มันก็มีความทุกข์ ถ้าเป็นไปอย่างถูกมันก็ไม่มีความทุกข์ จงทำลายความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวกำลังเป็นศัตรูร้ายของมนุษย์ยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น เหลือที่จะประมาณได้นั่น ก็คือความเจริญทางวัตถุจนเป็นวัตถุนิยม ความเจริญทางวัตถุซึ่งควบคุมไม่ได้ มันเจริญเป็นบ้าเป็นหลังยิ่งเจริญทางวัตถุเท่าไรความเห็นแก่ตัวในโลกเพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะไอ้ผลทางวัตถุนั้นมันส่งเสริมความเอร็ดอร่อยแก่จิตใจของผู้เห็นแก่ตัว ยิ่งเจริญทางวัตถุเข้าไปเท่าไร ความเห็นแก่ตัวในโลกจะมากยิ่งขึ้นเท่านั้น การที่จะควบคุมโลกจะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น การที่จะทำให้โลกมีสันติภาพจะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น หันมาต่อสู้ข้าศึกอันร้ายกาจของมนุษย์คือความเห็นแก่ตัว ถ้าองค์การสหประชาชาติจะเป็นเจ้ากี้เจ้าการในเรื่องนี้จะดีมาก แต่สาขาองค์การยูเนสโก้ไม่รู้เรื่องนี้เลย
ขออภัยถ้าพูดอย่างนี้อย่าหาว่าดูถูกดูหมิ่น อ่านหนังสือของยูเนสโก้มาตั้งมากมาย อ่านแล้วมันก็ไม่มีเรื่องทำลายความเห็นแก่ตัว ถ้าองค์การสหประชาชาติจะรวบรวมกำลังของศาสนาทุกศาสนาในโลก มาให้แต่ละศาสนาทำหน้าที่ของตน ๆ เพื่อทำลายความเห็นแก่ตัวของมนุษย์อย่างนี้มันจะเร็วขึ้น ไม่นั่งจับปูใส่กระด้งอยู่อย่างนี้ อยู่อย่างนี้ ก็จะนั่งจับปูใส่กระด้งอยู่เป็นตลอดตลอดกาลเลย นั่งไก่เกลี่ยเป็นเท้ามารีวราช นั่งจับปูใส่กระด้งอยู่อย่างนี้ โลกไม่มีวันที่จะมีสันติภาพ ต้องการทำลายความเห็นแก่ตัว ทำลายความเห็นแก่ตัว เดี๋ยวนี้มันเห็นแก่ตัวกู อะไร ๆ ก็เพื่อตัวกู นายทุนก็เห็นแก่ตัวกูจัด ไอ้คอมมิวนิสชนกัมมาชีพก็เห็นแก่ตัวกูจัด แล้วมันจะพูดกันรู้เรื่องเหรอ มันจะพูดกันรู้เรื่องได้อย่างไร เอาคนเห็นแก่ตัวกับคนเห็นแก่ตัวมาพูดกัน ข้อที่อเมริกันกับรัสเซียเขาพูดกันรู้เรื่อง ก็เพราะต่างฝ่ายต่างมีหัวใจเป็นความเห็นแก่ตัว จัดการให้ศาสนาของตน ๆ เท่าที่ถือกันอยู่ศาสนาใดก็เอาวิธีนั้นมาทำลายความเห็นแก่ตัวตามแบบของตน ๆ มันก็พอจะใช้ได้กันทั้งนั้น
เดี๋ยวนี้ศาสนามันกลับเห็นแก่ตัว ศาสนาทะเลาะกันเอง ศาสนามุ่งทำลายกันเสียเอง อย่างนี้ก็มันมีอยู่ มันมีอยู่ เห็นอยู่ และก็ไม่ต้องพูด แต่มันมีอยู่ ก็ศาสนานั่นแหละมันกำลังจะกัดกัน เจ้าหน้าที่ทางศาสนาที่มันโง่เขลา มันก็คือความเห็นแก่ตัว มันไม่เห็นแก่มนุษย์มันไม่เห็นแก่ประเทศชาติ ถ้าพรรครัฐบาลก็เห็นแก่ตัว พรรคฝ่ายค้านก็เห็นแก่ตัว ต่อให้ทำกันตั้งกับตั้งกัน มันก็ไม่ลงรูปลงรอยกันได้ มาทำลายความเห็นแก่ตัว ทำลายความเห็นแก่ตัวโดยวิธีใด ใครถือศาสนาอะไร ก็ทำลายความเห็นแก่ตัวตามลัทธิศาสนานั้น ๆ มีทั้งนั้นเลยลองสอบสวนใคร่ควรดูตลอดเวลาเป็นพุทธ เป็นคริสต์ เป็นอิสลาม เป็นฮินดู เป็นซิกง่าย ๆ ข่งจื้งเหล่าจื้ด ก็ล้วนแต่มุ่งทำลายความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น แต่แล้วมันไม่มีใครใช้เลย ไม่มีใครถือเลย กลับเห็นเป็นของที่ว่าขาดทุน เสียหาย เรามั่วไม่เห็นแก่ตัวอยู่ เราก็เสียเปรียบคนที่เห็นแก่ตัวเขาก็ได้เปรียบ เลยไม่มีใครที่จะกล้าที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะไม่มีศาสนา คนเหล่านี้ไม่มีศาสนา ถ้ามีศาสนาและกำลังได้รับประโยชน์จากศาสนาของตน มันก็จะรู้จักอันตรายอันร้ายกาจที่สุดของความเห็นแก่ตัว เห็นประโยชน์สูงสุดของความไม่เห็นแก่ตัว เดี๋ยวหน้าหัว ที่เขาจะจัดให้เป็นปีสันติภาพ อาตมารู้สึกว่าหน้าหัวมันจัดที่ปีสันติภาพสร้างสันติภาพ อยากจะพูดว่ามันโง่สันติภาพมันมีอยู่เองตามธรรมชาติ มนุษย์มันสร้างวิกฤตการณ์ขึ้นกลบสันติภาพ สันติภาพเลยหายไปหมด มนุษย์หยุดสร้างวิกฤตการด้วยความไม่เห็นแก่ตัวเถอะ หยุดเท่านั้นเถอะสันติภาพมีมาเองโดยไม่ต้องสร้าง มันมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ องค์การสันติภาพอะไร ขอให้ช่วยเขียนบทความไว้ลงหนังสือเล่มนั้นด้วย มันก็เขียนอย่างนี้แหละ บอกว่ามันโง่ที่คิดจะสร้างสันติภาพ หยุดสร้างวิกฤตการเถิด หยุดสร้างวิกฤตการเถิด และสันติภาพก็จะมีเอง เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่รู้จักวิกฤตการคืออะไร วิกฤตการมาจากอะไร ไม่มองดูมันมาจากสิ่ง ๆ เดียว คือความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ มันเป็นไปได้โดยสัญชาติญาณ ความเห็นแก่ตัวมันมีสัญชาติญาณอยู่ในชีวิต อยู่ในอินสตริงอินสตริง มีหลายแง่หลายมุม แต่แม่บทของมัน คือความมีตัวฉันอินสตริงมันคือความมีตัวฉัน เป็นแม่บทอินสตริงมันจะหาอาหารมันจะต่อสู้จะวิ่งหนี จะสืบพันธุ์ จะอะไรก็ตามมันมาจากความเห็นแก่ตัว ความมีตัว มันมีอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิต สิ่งใดมีชีวิตสิ่งนั้นมีอินสตริงอยู่ในตัว มันเกิดได้ด้วยอินสตริงที่ยังไม่มีปัญญา ไม่มีวิชา สัญชาติญาณอันนี้ยังไม่ถูกพัฒนาให้เป็นพาวิทญาณ คือมีปัญญาหรือมีวิชชา พอคลอดมาจากท้องแม่ไม่มีความรู้อะไรเลย มาพบของน่ารักก็รัก พบของน่าเกลียดก็เกลียด พบของอร่อยก็ยินดีหลงใหล ไม่อร่อยก็โกรธเคืองอย่างนี้เป็นต้น มากเข้า ๆ ความเห็นแก่ตัวมันก็มีมากขึ้น ๆ เด็กทารกเดินไปโดนเก้าอี้ สะดุดเก้าอี้เขาก็แตะเก้าอี้เพราะว่าเก้าอี้มันทำอันตรายกู เด็กไม่มีใครสอน เด็กไม่มีความรู้ว่าตัวกู ๆ ขึ้นมาได้ มันก็แตะเก้าอี้ ในความที่ไม่รู้ตามที่เป็นจริง ทำให้เกิดความคิดที่เป็นตัว ๆ มีตัวกู ตัวตน ตัวฉัน ตัวข้าพเจ้า อะไรก็ตาม เมื่อมีตัวเราก็ไม่ต้องมีของตัว อัตตาแปลว่าตัว อัตตาณียาแปลว่าของตัว คือเนื่องด้วยตัว พอมีอะไรเป็นของตัวมันก็มีปัญหาแล้ว ชอบใจก็เป็นของชอบใจของเรา ของกู พอไม่ชอบใจก็เป็นศัตรูของกู ก็เลยมีมิตรมีศัตรู ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้ ที่มันเคลื่อนไหวได้ ๆ มันก็มีความรู้สึกเป็นตัวว่ามีตัว เด็ก ๆ เปิดหลังนาฬิกาพกดูเห็นกระดุกกระดิกได้ก็คิดว่านาฬิกามีชีวิต คนป่าไม่เคยเห็นรถยนต์ที่วิ่งไปมันก็คิดว่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง เป็นช้างชนิดหนึ่ง หรือเป็นเต่าชนิดหนึ่งก็ได้
ความหลอกว่ามีตัวมันก็มีขึ้นได้โดยสัญชาตญาณ ที่ปราศจากความรู้อย่างนี้ เรื่องนี้เราไม่ได้สอนกัน ทั้งที่พุทธศาสนาสอนแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว สอนเรื่องว่าให้ละความเห็นแก่ตัว โดยละความมีตัวเสีย มันน่าจะเป็นการศึกษาอย่างสูงสุดของโลก เรื่องความไม่มีตัวแต่มันก็ยังไม่มีเลย มันจึงมีตัว มีความเป็นของตัว มีความเห็นแก่ตัวเต็มไปทั้งโลก กลุ้มไปทั้งโลก และหนาแน่นยิ่งขึ้นเพราะความเจริญทางวัตถุ ซึ่งส่งเสริมความเห็นแก่ตัว ในยุคที่ความเจริญทางวัตถุไม่รุนแรง มันก็มีความเห็นแก่ตัวยังน้อย เดี๋ยวนี้คนก็มาก ส่งเสริมวัตถุวัตถุส่งเสริมความเห็นแก่ตัวนั้นก็มาก ความเห็นแก่ตัวก็อัดแน่นไปทั้งโลก มันจึงพูดกันไม่รู้เรื่องที่จะสร้างสันติภาพ ความเห็นแก่ตัวมันสร้างวิกฤตการ ทำลายความเห็นแก่ตัวมันก็ลดวิกฤตการ สันติภาพมันก็โพล่ขึ้นมา เรียกว่าธรรมชาติที่สร้างไว้ตามปกตินั้นเป็นสันติภาพ พอดีก็ได้ เดี๋ยวนี้มันสร้างความเกินพอดี สวยงาม สนุกสนาน เอร็ดอร่อยมากขึ้นเป็นความเจริญ ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดก็คือความเจริญที่เราบังคับมันไม่ได้ ความเจริญทางวัตถุที่เราบังคับมันไม่ได้ คือศัตรูอันเลวร้ายที่สุดของมนุษย์ ขอให้สนใจกันบ้าง อย่าสร้างความเจริญอย่างหลับหูหลับตา เดี๋ยวนี้ความเจริญกลายเป็นอุปกรณ์ของอาชญากรรมเสียก็มาก ความเจริญในแบบเนี่ยทำลายความสงบเสียโดยมาก เมื่อไม่มีไฟฟ้ามันก็ตักน้ำได้จากบ่อ มันก็หุงข้าวได้ด้วยฟืน พอมีไฟฟ้า มันก็ต้องใช้ปั๊มน้ำไฟฟ้า ต้องหุงข้าวด้วยไฟฟ้า และยังจะต้องไปกู้เงินเขาซื้อโทรทัศน์มาไว้ดูอีก แล้วโทรทัศน์ที่มาดู ดูเรื่องส่งเสริมความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น เปิดวิทยุ เปิดโทรทัศน์ เปิดแต่โปรแกรมกิเลสทั้งนั้น โปรแกรมที่เป็นการศึกษาไม่เปิดกันมันปิดเสีย การเจริญความเจริญที่ควบคุมไม่ได้ คืออันตรายที่สุดของมนุษย์ ขอให้สนใจกันในเรื่องนี้ว่าควบคุมความเห็นแก่ตัว ให้มันอยู่ตรงกลางที่ถูกต้อง คือทำหน้าที่ให้ถูกต้องอย่างที่พูดมาแล้วว่า หน้าที่คือชีวิต หน้าที่นั้นอย่าพูดว่าเป็นอุปกรณ์ของชีวิต มันเป็นตัวชีวิตเลย ลองไม่ทำหน้าที่มันก็คือตาย จะพูดว่าหน้าที่ธรรมะ คือคู่ชีวิตก็ยังถูกน้อยไปเพราะมันเป็นตัวชีวิตเลยดีกว่า เพราะมันไม่มีธรรมะ ไม่มีหน้าที่ก็คือไม่มีชีวิคมันหมดค่า ชีวิตด้านคุณธรรมมันหมดไปแล้ว ตายหมดแล้ว แม้ว่าชีวิตทางร่างกายอยู่ชีวิตทางจิตใจอยู่ แต่ชีวิตทางคุณธรรมหมดแล้ว หมดดีแล้ว เหมือนคนตายแล้ว ความเห็นแก่ตัวมันเป็นอย่างนี้ มันสร้างให้ความเป็นอย่างนี้ขึ้นมา เราศึกษาด้านนี้กันเถิด มันยังขาดอยู่ มันถูกละเลย การศึกษาในด้านชีวิตในส่วนลึกมันถูกละเลย ศึกษาชีวิตแต่ในด้านวัตถุอาจจะมาก ขอให้รู้จักว่าความสุขที่แท้จริงคือ การปฏิบัติหน้าที่ปฏิบัติธรรมะอยู่ทุกอิริยาบถโดยไม่ต้องใช้เงิน โดยไม่ต้องเพิ่มการงาน ไอ้งานที่ทำอยู่แล้วหน้าที่ที่ทำอยู่แล้ว พลิกให้เป็นชีวิตสดชื่นเยือกเย็น ยกมือไหว้ตัวเองได้ทั้งนั้น ทำอย่างถูกต้องพอใจ ถูกต้องพอใจ วันทั้งวันค่ำลงมาคิดบัญชีดู มันมีแต่ความถูกต้อง ยกมือไหว้ตัวเองได้ นั่นคือสวรรค์ที่แท้จริง ที่ตรงนั้นที่นี้และเดี๋ยวนี้ สวรรค์จะตายแล้วอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่แน่นอน ไม่แน่นอนเหมือนสวรรค์ที่เมื่อยกมือไหว้ตัวเองได้ สวรรค์ที่แน่นอนที่นี้และเดี๋ยวนี้ พอทำผิดหน้าที่ ๆ ผิดธรรมะ ผิดหน้าที่มันก็เป็นความทุกข์ เกลียด ๆ ตัวเองยกมือไหว้ตัวเองไม่ได้ นั้นคือนรกที่แท้จริงมีที่ไหนก็มีนรกที่นั่น
มันจะอยู่ใต้ดินใต้บาดาลนั่นนะมันอยู่ที่ว่าทำผิดหน้าที่ ยกมือไหว้ตัวเองไม่ได้เมื่อใดมีนรกเมื่อนั้น ขอให้ช่วยสอนลูกเด็ก ๆ ให้รู้จักนรกสวรรค์ที่แท้จริงที่รีบด่วนที่จำเป็นกว่าในนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้าเขากันสอนกันมาก่อนพระพุทธะเจ้า อย่าไปคิดว่าพระพุทธเจ้าสอนเลย เขาสอนกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าโน่น พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาในหมู่คนที่เขามีความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์อย่างนั้น และท่านก็ไม่ขัดแย้ง คำนี้อีกคำ ขอได้โปรดจำไว้ด้วยว่า ความไม่ขัดแย้งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ถ้าไม่ไปยกเลิกผิด ๆ เลิก ๆ สวรรค์มีทั้งนั้น ท่านมีท่านก็ได้จะให้ฉันอธิบายบ้าง ก็ต้องทำให้ถูกต้อง จึงจะได้สวรรค์ชนิดนั้นแหละไม่ตกนรกชนิดนั้น แต่ว่านรกสวรรค์ที่แน่กว่านั้นฉันเห็นแล้ว ๆ พบแล้ว มะยาทิดฐา ๆ แปลว่า ฉันเห็นแล้ว คือเมื่อทำผิดที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นนรกที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อทำถูกต้องที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้คือสวรรค์ที่แท้จริงที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นรกสวรรค์อย่างนี้ คือของพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าท่านสอนจริง ๆ สวรรค์บนฟ้านรกใต้ดินเขาสอนกันอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า อย่าไปเอามาตู่เป็นของพุทธศาสนาสอนกันอยู่ก่อน แต่พระพุทธเจ้าท่านเกิดขึ้น ท่านไม่มีการขัดแย้ง ทุกอย่างทุกประการมีหลักว่าไม่ขัดแย้ง ผู้ไม่ขัดแย้ง คือพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ตถาคตไม่กล่าวคำขัดแย้งกับผู้ใดภายในโลกนี้ ในเทวโลภ มาราโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมนะพราหมณ์ ก็มันก็ทุก ๆ โลก ทุก ๆ อย่างจะไม่กล่าวคำขัดแย้ง เมื่อสอนว่านรกเป็นอย่างนั้นก็ได้ สอนเรื่องกรรมนี้อีกอย่างหนึ่ง ทำดีดี ทำชั่วชั่ว นี่อย่าเข้าใจว่าพุทธศาสนานะ เพียงแต่ว่าพุทธศาสนาไม่ขัดคอ ก็รับเอามาใช้ด้วยเป็นปัจจัย เป็นคำสอนพื้นฐาน แต่พุทธศาสนาที่แท้ สอนกรรมชนิดหนึ่งอยู่เหนือกรรมทั้งปวง ไม่ติดมั่นอยู่ในกรรมดีหรือกรรมชั่วนั่นนะสูงสุดของพุทธศาสนา การติดดี บ้าดี คือความทุกข์ชนิดหนึ่ง สอนว่าอย่าทำชั่วเสร็จไปและทำดีถึงที่สุด และทำจิตให้บริสุทธิ์อย่าบ้าดี อย่าหลงดี อย่าเมาดี มันจึงเป็นคำสอนที่ว่าเหนือกรรม เหนือกรรม กรรมที่เหนือกรรม ไม่ดำไม่ขาว กรรมดำคือชั่ว กรรมขาวคือดี กรรมไม่ดำไม่ขาวคือกรรมที่ถอนเสียทั้งกรรมชั่วและกรรมดี เนี่ยเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนาในเรื่องกรรม แต่คนก็มามัวเร่งกันทำดีดี ทำชั่วชั่ว ไปอย่างนี้เขาสอนอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า สอนให้มีจิตใจอยู่เหนือดีจนไม่บ้าดี อย่าบ้าดี อย่าเมาดี อย่าหลงบุญ อย่าบ้าบุญ ถึงจะมีจิตใจผ่องแผ้วผ่องใสในข้อที่สามว่าสะจิตตะปริโยทะประนัง ทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในหมู่ของคนที่เขามีความเชื่อกันอยู่อย่างหนึ่งเคร่งคัด ท่านไม่ขัดแย้ง แล้วประกาศคำนี้ออกมาว่า ตถาคต ไม่กล่าวคำขัดแย้งกับใครในโลกทุก ๆ โลก เขาว่าขัดแย้ง ถ้าเป็นภาษาบาลีคือคำว่าอุปัทวะ ภาษาไทยก็คืออุบาทว์ ๆ อุปัทวะในภาษาบาลีคำนี้มีความหมายว่าการขัดแย้ง มีการขัดแย้งที่ไหนมีอุบาทว์ที่นั่น เพราะฉะนั้นต้องไม่มีการขัดแย้ง ต้องมีการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ต้องบรรเทาความเห็นแก่ตัวจึงจะทำความเข้าใจแก่กันและกันได้ เดี๋ยวนี้เราทำความเข้าใจแก่กันไม่ได้เพราะมีความเห็นแก่ตัว จงทำลายความเห็นแก่ตัว และก็ทำความเข้าใจแก่กันและกันได้ แล้วก็จะไม่ความขัดแย้ง แล้วสิ่งที่เรียกว่าอุบาทว์ หรืออุปัทวะจะไม่มีในโลกนี้อีกต่อไป โปรดสังวรในเรื่องนี้ด้วยว่าถ้ามีการขัดแย้งที่ไหนมีอุบาทว์ที่นั่น จะกลางไร่ กลางนา กลางตลาด ในรัฐสภา ในโลกที่ประชุมของโลก อะไรก็ตามถ้ามันมีการขัดแย้งแล้วก็ต้องว่ามีความอุบาทว์ที่นั่น ต้องไม่มีการขัดแย้งทำความเข้ากันได้ พยายามลดความเห็นแก่ตัวจึงจะเป็นพุทธศาสนา นี่เรียกว่าทำหน้าที่ให้ถูกต้อง
ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง และจะไม่มีความขัดแย้งเลย ทุกคนเคารพหน้าที่ของตน ในฐานะที่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ ตามหัวข้อของปาถะกถา จะขอพูดเรื่องสิ่งที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ ปัญหาทั้งปวงจะละลายสูญหายไปหมดสิ้นทั้งโลก โดยที่เราเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านเคารพ สิ่งนั้นคือ ภาษาไทยเรียกว่าหน้าที่ ภาษาบาลีเรียกว่าธรรมะ จงเคารพธรรมะเถิด คือเคารพหน้าที่เถิด ทำหน้าที่ของตน ๆ อย่าไปแทรกแซงหน้าที่ของคนอื่นเลย ดูว่าหน้าที่ของตนนั่นสมบูรณ์ถูกต้องแล้วหรือยังถูกต้องแล้วก็ใช้ได้ เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพนั่นก็คืออย่างนี้ เคารพหน้าที่ ๆ เป็นความหมายที่ลูกเด็ก ๆ ไม่ค่อยจะเข้าใจ คนโต ๆ ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะมันไม่รู้ว่าหน้าที่คือธรรมะคือช่วยได้ ๆ ทุกอย่างทุกประการ ถ้าเห็นอย่างนี้แล้ว มันก็จะพอใจทำหน้าที่ มันก็ไม่เลือกงาน แล้วคนก็จะไม่ว่างงาน คนก็จะไม่ว่างงาน หน้าที่โกยขยะ ล้างท่อถนนก็เป็นการปฏิบัติธรรมะ คือทำหน้าที่ทำแล้วรอด แม้แต่ว่าขอทานก็ทุพพลภาพ หรือเพราะอะไรก็ตาม มันก็เป็นการทำหน้าที่เพื่อความรอด ขอให้ทุกคนบูชาหน้าที่ของตน บูชาหน้าที่ของตน มีหน้าที่อย่างไรก็ทำหน้าที่ของตน หน้าที่ดำรงชีวิตก็ทำดี ทำหน้าที่บริหารชีวิตประจำวันก็ทำดี หน้าที่สังคมก็ทำดี หรือหน้าที่สังคมนี้ สรุปรวมได้ว่าหกทิศทาง ข้างหน้าบิดามารดา ข้างหลังบุตรภรรยา ข้างซ้ายเพื่อน ข้างขวาครูบาอาจารย์ ข้างบนครูผู้อยู่เหนือบังคับบัญชา พระเจ้า พระสงฆ์ ราชา มหากษัตริย์ ข้างล่างก็ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา กรรมกร ทุกทิศทางทั้งหกทิศทางทำถูกต้อง ๆ ก็เรียกว่าทำหน้าที่ถูกต้อง มันก็ทำหน้าที่ฝ่ายจิตใจได้ตามที่จะมีโอกาส มีศีล สมาธิ ปัญญา เพิ่มขึ้นได้ตามโอกาส แต่ถ้าว่าทำหน้าที่อย่างธรรมดาในโลกนี้ไม่ถูกต้อง มันก็ยากที่จะทำหน้าที่ทางจิตใจ สร้างพื้นฐานหน้าที่ธรรมดาโลก ๆ นี้กันให้สมบูรณ์เสียก่อนเถิด มีโอกาสที่จะแทรกแซงอยู่ในหน้าที่ธรรมดานี่ให้มีศีล สมาธิ อย่างที่พูดแล้วว่าล้างส้วมก็ขอให้มีสมาธิ จะได้มีปัญญารู้แจ้ง ความสะอาดความไม่สะอาดตามลำดับ เอามาปนกันได้ทำพร้อม ๆ กันไปได้ หน้าที่ทั้งหลายมันทำพร้อม ๆ กันได้ และก็เป็นผู้สมบูรณ์ ๆ ด้วยหน้าที่ ปฏิบัติธรรมะคือการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติศาสนาก็คือปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติเพื่อความรอดคือการปฏิบัติหน้าที่ แล้วก็จะรอด ถ้าไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่มีทางรอด ไม่มีใครช่วยได้ คนที่ทำหน้าที่ให้พระเจ้าเทวดามาเป็นฝูง ๆ ก็ช่วยไม่ได้หรอก มันไม่ทำหน้าที่ต่อให้เทวดาพระเป็นเจ้ามาเป็นฝูง ๆ ก็ช่วยคนนี้ไม่ได้ ช่วยคนที่ไม่ทำหน้าที่ไม่ได้ พอทำหน้าที่เท่านั้นไอ้หน้าที่มันกลายเป็นพระเจ้ามาช่วยทันที ช่วยได้ด้วยและทันทีด้วย ทำหน้าที่และพระเจ้าจะมาช่วยทันทีหน้าที่กลายเป็นพระเจ้ามาช่วย ไม่ทำหน้าที่มัวแต่จุดธูป จุดเทียนบูชาบวงสรวง อ้อนวอนอยู่ สั่นเซียมซีอยู่ไม่มีทาง ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนจะช่วยได้ คนอย่างนี้ไม่เป็นพุทธบริษัท ให้ศาสนาคริสต์มาเข้าแย่งไปเสียให้หมด ๆ ก็ดีเหมือนกัน มันจะไปใช้วิธีอื่นของศาสนาคริสต์ช่วยให้รอดได้ เมื่อมันอยู่เป็นชาวพุทธ มันยังช่วยตัวเองไม่ได้อย่าอยู่เลย ถ้าเป็นพุทธบริษัทไม่ต้องมีไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์แปลว่าความรู้ของคนหลับ ไสยะ ๆ แปลว่าหลับ พุทธศาสตร์แปลว่าความรู้ของผู้ตื่น พุทธะ ๆ แปลว่า ผู้ตื่น มันต้องตื่นจากความหลับ ตื่นจากความโง่รู้ตามที่เป็นจริง มีหลักว่าช่วยตัวเอง ตามกฎแห่งเหตุผลช่วยตัวเอง ๆ ไม่ต้องให้สิ่งภายนอกช่วยช่วยตัวเองคือทำหน้าที่ บูชาหน้าที่ หน้าที่ก็จะกลายเป็นของช่วยขึ้นมา คำว่าช่วยตัวเองหมายความอย่างนี้
อย่าไปคิดว่าจะพึ่งพระพุทธเจ้า ๆ ท่านได้สอนว่า จงพึ่งธรรมะคือพึ่งตัวเอง ท่านทั้งหลายจงมีธรรมะ มีตนเป็นที่พึ่งคือมีธรรมะเป็นที่พึ่ง ถ้ายังมีตนอยู่แม้จะไม่ใช่ของจริง แต่มันมีตนอยู่เป็นตนที่ตนคิดว่าช่วยตน คือปฏิบัติธรรมะ ปฏิบัติธรรมะคือปฏิบัติหน้าที่มันก็ช่วยตนเองได้ ตถาคตทั้งหลายไม่อาจจะช่วยได้ ได้แต่บอกทาง บอกวิธี บอกหนทาง ท่านทั้งหลายจะต้องช่วยตัวเองด้วยการทำหน้าที่ และสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าสักหน่อยตรงนี้กันก็ได้ว่า ก่อนสว่างก่อนหัวรุ่งให้คิดก่อนว่าจะไปช่วยใคร วันนี้จะไปช่วยใคร ก็สังเกตเห็นดูทั่ว ๆ ไปว่าคนนั้นช่วยไม่ไหว คนนี้พอช่วยได้ก็ไป สว่างขึ้นก็ไปบิณฑบาต เพื่อได้มีโอกาสพูดกับคนนั้นให้มันได้รับประโยชน์ช่วยตัวเองได้ ตั้งแต่ก่อนสว่างเล่งยานทั่วโลก และก็ไปช่วย จะเป็นกลางวันตอนสายอะไรก็ได้ จะค้างคืนที่นั่นก็ได้ ช่วยโปรดสัตว์หมายความว่า ไปช่วยให้เขามีความรู้เรื่องดับทุกข์ ไม่ใช่ไปขออาหารกินล้วน ๆ เดี๋ยวนี้ชาวบ้านมักจะเข้าใจว่า ไปโปรดสัตว์ไปบิณฑบาตไปขออาหารกิน แต่สำหรับพระพุทธเจ้า ท่านไปเพื่อจะโปรดมันให้พ้นจากกองทุกข์ พอตอนบ่าย ๆ แสดงธรรมโปรดคนทั่วไป ตอนหัวค่ำสอนภิกษุ ตอนดึกสอนคนชั้นสูง เรียกว่าแก้ปัญหาเทวดา จะเป็นเทวดามาจากสวรรค์ หรือเทวดาพระราชามหากษัตริย์ก็ได้ จะแก้ปัญหาเทวดาตอนดึก เรื่องในบาลีมีอยู่ชัดเจนแล้ว พระเจ้าปัทเสนธิ พระเจ้า ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ไปเฝ้าตอนดึกทั้งนั้น ต้องมีกองทัพ ครบเพลิงถือไป ตอนดึกแก้ปัญหาเทวดา พอใกล้รุ่งก็นึกถึงว่าจะไปโปรดใคร ท่านทำงานเป็นวงจรอย่างนี้แหละ ลองคิดดูเถอะว่า ท่านไม่ได้เป็นคนขี้เกียจหรือว่าเบื่องาน ทำงานอย่างนี้ ขอให้ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าเรา ทำงานครบวงจรกันอย่างนี้ ก่อนสว่างคิดว่าจะทำอะไร พอสว่างแล้วก็ทำ ๆ ๆ ค่ำลงก็พอใจ ๆ ยกมือไหว้ตัวเองได้ว่าได้ทำถูกต้องทั้งวัน นี่คือหน้าที่ในภาษาไทยธรรมะในภาษาบาลี ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พ่อแม่ทั้งหลายช่วยบอกลูกเด็ก ๆ ให้รู้ว่าธรรมะคือหน้าที่ อย่าบอกเขาแต่ว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่รู้ว่าสอนว่าอย่างไร ตัวธรรมะคือตัวหน้าที่ ตัวสิ่งที่พระพุทธเจ้าเองก็เคารพ เพราะฉะนั้น ขอให้เราทั้งหลายจงเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพเถิด แล้วโลกนี้ก็จะหมดปัญหา ข้อความทั้งหมด อาตมาถือว่าเป็นธรรมะปฏิสันถาร ไม่มีกาแฟเลี้ยง ไม่มีโคคาโคล่า ขอปฏิสันถารด้วยธรรมะ คือบอกให้รู้ว่าโลกจะรอดได้ เพราะว่าเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ สิ่งนั้นคือหน้าที่ ๆ ขอให้บูชาหน้าที่ แม้จะทำงานอยู่ กลางแดดอาบเหงื่ออยู่กลางแดด ก็เคารพบูชาเหงื่อ ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ ถ้าเกียจเหงื่อแล้วไปเป็นอันธพาลจี้ปล้นดีกว่า ถ้าเป็นธรรมะของอันธพาลอย่าเอาเลย เหงื่อออกมานี่ก็น้ำมนต์ รดพอใจ ดีกว่าไปรดน้ำมนต์ที่เขารด ๆ กันอยู่ ซึ่งไม่เกิดอะไรขึ้น เป็นไสยศาสตร์มากเกินไป ขอให้รดน้ำมนต์เหงื่อเพราะการทำหน้าที่เถิด แล้วจะเป็นน้ำมนต์ของพระพุทธเจ้าด้วย แล้วก็รอดจากความทุกข์ จะดับความทุกข์โดยประการทั้งปวงด้วย ขอให้พอใจในหน้าที่ แม้มันจะออกมาในรูปของเหงื่อกลางแดด ทำงานกลางฝนอะไรก็ตามพอใจ ๆ ๆ เป็นสุข ๆ เมื่อทำหน้าที่ เดี๋ยวนี้คนไม่พอใจในความสุขที่แท้จริง ไปพอใจในความเพลิดเพลินที่หลอกลวง เงินไม่พอใช้ต้องกู้ต้องยืม ต้องหลงเป็นเหยื่อของคนหลอกลวง เพราะมันจะไปหาแต่เงินมาบูชากิเลส ก็สมน้ำหน้าพูดอย่างนี้ดีกว่า
ขอให้ทุกคนมองเห็นที่พึ่งอันแท้จริงของเราคือหน้าที่ พระพุทธเจ้าคือผู้ค้นพบและสอนเรื่องหน้าที่ พระธรรมคือตัวหน้าที่ พระสงฆ์คือผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่ เราเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็จงเคารพหน้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกันที่พระพุทธเจ้าก็ทรงเคารพ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดเอาธรรมะปฏิสันถารไปตามมี ตามได้ ตามที่จะทำได้ ไม่ต้องเชื่อเดี๋ยวนี้ แต่ขอให้ไปลองดูว่าจริงหรือไม่จริง ขอให้ไปลองดู ไปสังเกตดู ไปทดลองดูว่าจริงหรือไม่จริงค่อยกันทีหลัง อาตมาก็ขอยุติการบรรยายปาฐะกถาธรรมนี้ โดยความสมควรแก่เวลา ขอขอบพระคุณที่ได้มา ขอบพระคุณที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างนี้ ขอเน้นให้พอใจในแผ่นดิน ๆ ที่เป็นที่ ๆ ประสูติ ตรัสรู้ ที่อยู่อาศัย ที่สอนของพระพุทธเจ้า ที่นิพพานของพระพุทธเจ้า แล้วก็คงจะประหยัดค่าก่อสร้างได้อีกเป็นอันมาก ขอยุติการบรรยาย
You must be logged in to post a comment.