หลวงพ่อนอกคอกทำลายพุทธศาสนา

บรรดาความเห็นผิด และการกระทำที่ผิดๆ นอกทิศทาง
คำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าปล่อยไว้ก็จะพอกพูนมากขึ้น ทำให้
พระพุทธศาสนาที่เรารักใคร่หวงแหนอาจถึงสภาพหมดไปก็ได้
เพราะความไม่กล้าพูดกล้าบอกความจริงกันนั่นเอง

คนทั้งหลายที่มีโรคคือ ความเห็นผิดอยู่ในใจของเขา และ
ถ้ายึดถือความเห็นผิดนั้นมานานแล้ว เขาอาจยึดไว้อย่างชนิดที่
ไม่ยอมปล่อยเป็นอันขาด ครั้นพอมีใครมาพูดถึงสิ่งนั้นว่าไม่ดี
เขาก็โกรธ หาว่ามาดูถูกดูหมิ่นเขา หาว่าทำลายอาชีพของเขา
อย่างนั้นอย่างนี้ และถึงกับโกรธเคืองจองเวรคิดแก้แค้นขึ้นก็ได้
ข้อนี้แหละที่ทำให้คนทั้งหลายเกิดความกลัวจนไม่มีใครกล้าพูด
ความจริงกัน

อันคนที่ฉลาดมีปัญญามีเหตุผลนั้น
เขาย่อมทิ้งของปลอม แล้วถือเอาของจริงไว้เสมอ เพราะ
ของปลอมทำคนให้หลงผิด ของแท้เท่านั้นจะทำให้คนเข้าใจถูก
และมีความสุขสงบสมความมุ่งหมาย

บุคคลผู้มีความเข้าใจในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ
เห็นสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
มีความเข้าใจผิดเป็นแนวทางย่อมไม่เข้าถึงสารธรรมได้เลย
แต่ผู้ใดมารู้สิ่งเป็นสาระว่าเป็นสิ่งมีสาระ
สิ่งไม่เป็นสาระว่าเป็นสิ่งไม่เป็นสาระ
เป็นผู้มีความเห็นชอบทางดำเนินของใจย่อมถึงสารธรรม
คือ ความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ได้สมหมาย

ในกรุงเทพมหานครของเรานี้ดูจะหนักกว่าบ้านนอก เดิน
ไปจะได้พบศาลเจ้าต่างๆ ศาลหลักเมืองและอะไรๆอีกมากมาย
อย่างชั้นที่สุด…หินที่สมมติกันว่าเป็นของลับของพระอิศวร
(ศิวลึงค์) ชาวพุทธก็ไปกราบไหว้เพื่อขอพร ต้นไม้เล็กต้นไม้ใหญ่
ชาวพุทธก็ไปไหว้เพื่อขอเลขสลากกินรวบ แม้บางครั้งจะไปไหว้
พระพุทธรูปในโบสถ์ก็ไหว้แบบวิงวองขอร้อง เพื่อให้ได้สิ่งที่
ตนต้องการ การกระทำทั้งหมดนี้ไม่เข้าแบบของชาวพุทธเลย
สักนิดเดียว

ภิกษุเราที่อาศัยผ้าเหลืองของพระพุทธองค์ แต่มิได้ทำ
กิจของพระพุทธศาสนา ก็มีสภาพประดุจตัวเสฉวน ฉันนั้น
พวกพระประเภทตัวเสฉวนนั้นก็เป็นพระประเภททำลายพระ
ศาสนา เขาอาศัยซื่อเสียงของพระรัตนตรัยไปทำพิธีปลุกเสก
อะไรต่างๆ นานา ทำคนทั้งหลายให้หลงผิดเข้าใจผิด หารู้ไม่ว่า
ตนกำลังทรยศต่อพุทธธรรมอยู่แล้ว

มีบางคนกล้ากล่าวค้านว่า การที่ตนทำพิธีรีตองเช่นนั้น
ก็เพื่อประโยชน์ของคนผู้ที่ยังหลงยังเข้าใจผิดอยู่ จะอธิบายให้เขา
ทราบความจริงก็เกรงว่าเขาจะไม่เข้าใจ จึงปล่อยไว้อย่างนั้น
อีกประการหนึ่งเขาคิดว่า พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่สูงเกินที่คน
เหล่านั้นจักเข้าใจก็เลยไม่อธิบายกันให้เข้าใจ เขามาขอให้ทำ
พิธีอะไรก็ทำไปเท่านั้น

ขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง เช่น คนๆหนึ่งมาหาพระและ
บอกว่า ตนเคราะห์ร้าย… ขอรดน้ำมนต์สักหน่อย พระก็รดให้โดย
มิได้ไต่ถามว่าเคราะห์ร้ายเรื่องอะไร ไม่ได้แนะแนวทางแก้ทุกข์
ให้แก่เขา การทำพิธีรดน้ำมนต์ช่วยกำลังใจได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น
แต่ถ้าสนทนาให้เขาเข้าใจเหตุผลเขาคงฉลาดขึ้น และเลิกละจาก
การกระทำความทุกข์ใส่ตนก็ได้

ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปปาฐกถาที่นครสวรรค์ พอพูดจบก็มีคน
มาหาและขอให้เป่ากระหม่อมให้หน่อย ข้าพเจ้าจึงตอบแก่เขาว่า
เป่าให้ชั่วโมงครึ่งก็ควรจะพอแล้ว ปฏิบัติตามคำสอนนั่นแหละ
คือพรอันประเสริฐ และจะช่วยตัวเขาได้ต่อไป เขาจึงถอยกลับ
ออกไป …น่างสงสารคนประเภทนี้แท้ๆ!!

ในการบำรุงพระพุทธศาสนานั้น ถ้าหากพวกเราไม่รู้ว่า
พระพุทธศาสนาที่แท้เป็นอย่างไร…เราก็บำรุงไม่ถูก กลายเป็น
บำรุงไสยศาสตร์ บำรุงศาสนาพราหมณ์ไปเสีย โดยเข้าใจว่า
นั่นคือ พระพุทธศาสนา

ท่านผู้ใหญ่ในทางโลกบางคน นับถือพระภิกษุบางองค์ว่า
เป็นหลวงพ่อของตน พิจารณาไป…ได้ความว่าเป็นอาจารย์ขลังๆ
เท่านั้น ในบางสมัยได้นิมนต์อาจารย์ขลังๆ มามาก แล้วทำพิธี
ปลุกเสกพระเครื่องกันเป็นการงานใหญ่ จบพิธีแล้วก็เอาไปขาย
เป็นเงินเพื่อสร้างอะไรๆในทางศาสนา การกระทำเช่นนี้เป็นการ
ขายพระพุทธเจ้าเพื่อแลกเอาอิฐปูนเท่านั้น หาได้ทำคนให้ดีขึ้น
ในทางใจไม่ ถ้าหากเราได้ขอร้องให้ท่านอาจารย์ทั้งหลายช่วยกัน
เสกคนเป็นพระขึ้นบ้าง ก็จะเป็นการกระทำที่น่าชมว่าเป็นไหนๆ

เมื่อพูดกันถึงเรื่องพระพุทธศาสนาที่แท้ ท่านก็คงนึกว่า
มีพุทธศาสนาที่ปลอมด้วยหรือ? ความจริงพระพุทธศาสนา
ปลอม…ไม่มี แต่พวกเราที่นับถือนี่แหละ กลับไปทำให้ของจริง
กลายเป็นของปลอมไป ทำไมจึงทำเช่นนั้น? ก็มันมีเหตุการณ์
หลายอย่างที่ทำให้เป็นเช่นนั้น

สมัยนี้เป็นสมัยของการก่อสร้างทางวัตถุ วัดทั่วไปแข่งขัน
สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลา กุฏิ และอะไรต่างๆ บางแห่งสร้างพอดี
กับทุน บางแห่งก็สร้างเกินทุน จึงต้องหาทุนโดยวิธีการแปลกๆ
อันเป็นเรื่องที่ไหลเข้ามาท่วมทับสัจธรรมของพระพุทธศาสนา
ทั้งนั้น ตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ เช่นใบเซียมซีเสี่ยงทายกันในโบสถ์
ต่างๆ ที่เข้ามาอยู่ตามโบสถ์ก็เพราะว่าพระอยากได้เงินมาบำรุง
พุทธศาสนา แต่กลายเป็นทำลายพุทธศาสนาไป เพราะคนที่มาลั่น
เกิดเข้าใจผิดคิดว่าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้เป็นไปอย่างนี้
ความจริงหลวงพ่อมิได้บันดาลอะไรให้เลย หากแต่แขนของเรา
ทั้งสองนี่เองเป็นตัวการใหญ่ เราไปจับกรบอกสั่น… มันจึงหล่น
ออกมาได้ คนโง่ไม่เข้าใจอะไรจึงถูกพระหลอกลวงให้สั่นเสียจน
เหงื่อไหลไคลย้อย นี่เป็นเพราะเห็นแก่ลาภโดยแท้ พระหลวงพี่
หลวงพ่อนอกคอกทั้งหลายที่ทำพิธีแปลกๆ ต่างๆ นั้น ก็เพราะ
อยากได้อะไรบางอย่าง จึงทำอย่างนั้น

เจ้ามิจฉาทิฐิทั้งหลายนี่ซิ…
เป็นเรื่องน่ากลัวมากจริงๆ เพราะไม่มีใครคอยจับ
บางทีผู้จับเองก็พลอยเห็นผิด เห็นงมงายไปเสียด้วย
จึงน่ากลัวกว่าลัทธิอะไรทั้งสิ้น
ใคร่ขอเตือนพี่น้องทั้งหลายไว้ให้พิจารณาจงดี
จะได้ป้องกันตัวเองให้พ้นจากภัยร้ายคือ ความเห็นผิดได้

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า…
จิตใจที่บุคคลตั้งไว้ผิด อาจทำอันตรายแต่คน
มากกว่าโจรใจเหี้ยม…
หรือคนจองเวรจักพึงทำให้แก่กันเสียอีก

พระพุทธเจ้าบอกว่า
สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ
ถ้าจะตัดผล ต้องตัดเหตุ
แล้วเหตุนั้นไม่ได้อยู่สิ่งภายนอก
อยู่ในตัวของเราเอง

นี่คือหลักพระพุทธศาสนา

คัดลอกมาบ้างส่วนจาก หนังสือเลิกเชื่อไร้เหตุผล
พึ่งตนและพึ่งธรรมะ… หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ

ใส่ความเห็น